อุ๊ย "ข่มขู่ให้รับเงินแล้วทำสัญญา" ทำได้หรือไม่ ทนายดังเปิดกฎหมายชัดเจน

"ข่มขู่ให้รับเงินแล้วทำสัญญา" ประโยคนี้ คุ้น ๆ โดยล่าสุดนั้น ทนายความชื่อดัง อย่าง ทนายรัชพล ศิริสาคร ที่ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ทนายรัชพล ศิริสาคร Fanpage เกี่ยวกับเรื่องราวดังกล่าว โดยระบุว่า 

ข่มขู่ให้รับเงินแล้วทำสัญญา สัญญาเป็นโมฆียะ บอกล้างสัญญาได้

รู้ป่าว การข่มขู่คนอื่นให้รับเงินโดยทำให้กลัวว่าจะเป็นอันตรายกับชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สิน เป็นความผิดตามกฎหมาย ถ้าร่วมมือกัน 5 คน โทษหนักขึ้น

ส่วนข้อตกลงตามสัญญาที่เกิดขึ้นจากการถูกข่มขู่ในลักษณะดังกล่าว ไม่ใช่การข่มขู่ว่าจะใช้สิทธิตามปกตินิยม เข้าข่ายตกเป็นโมฆียะ สามารถบอกล้างสัญญาได้

ประมวลกฎหมายอาญา

มาตรา 309 ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

วรรคสอง ถ้าความผิดตามวรรคแรกได้กระทำโดยมีอาวุธ หรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป หรือได้กระทำเพื่อให้ผู้ถูกข่มขืนใจทำ ถอน ทำให้เสียหาย หรือทำลายเอกสารสิทธิอย่างใด ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา 164 การแสดงเจตนาเพราะถูกข่มขู่เป็นโมฆียะ

วรรคสอง การข่มขู่ที่จะทำให้การใดตกเป็นโมฆียะนั้น จะต้องเป็นการข่มขู่ที่จะให้เกิดภัยอันใกล้จะถึง และร้ายแรงถึงขนาดที่จะจูงใจให้ผู้ถูกข่มขู่มีมูลต้องกลัว ซึ่งถ้ามิได้มีการข่มขู่เช่นนั้นการนั้นก็คงจะมิได้กระทำขึ้น