แฉยับ พี่สะใภ้มิจฉาชีพ ตุ๋นน้องผัว 8 ล้าน พอโป๊ะแตกสั่งอุ้มปิดปาก

หนุ่มร้อง "สายไหมต้องรอด" แฉพี่สะใภ้สุดแสบ เลียนแบบพฤติกรรมมิจฉาชีพ หลอกเงินน้องผัวกว่า 8 ล้านบาท หลังความแตกกลับจ้างวานคนพยายามอุ้มตัวคนในบ้านเพื่อปิดปาก

วันที่ 6 มิถุนายน 2568 ที่สายไหมต้องรอด นายอนุวัฒน์อายุ 30 ปี หรือ "น้ำ" ได้เข้าร้องขอความช่วยเหลือกับนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด โดยนายเอกภพเปิดเผยว่า เรื่องนี้เป็นกรณีน่าสนใจ แฉพี่สะใภ้สุดแสบ เลียนแบบพฤติกรรมมิจฉาชีพ หลอกเงินน้องผัว 8 ล้านบาท หลังความแตกกลับจ้างวานคนพยายามอุ้มตัวคนในบ้านเพื่อปิดปาก

 

พี่สะใภ้สวมรอยมิจฉาชีพ ตุ๋นน้องผัว 8 ล้าน โป๊ะแตกสั่งอุ้มปิดปาก
 

พี่สะใภ้สวมรอยมิจฉาชีพ ตุ๋นน้องผัว 8 ล้าน โป๊ะแตกสั่งอุ้มปิดปาก

 

ครอบครัวของนายอนุวัฒน์มีพี่น้อง 3 คน ได้แก่

นายหนู (พี่ชายคนโต)

นาย นัท (พี่ชายคนกลาง)

นายอนุวัฒน์ (คนเล็ก)

อีกทั้งยังมี นางซอนย่า ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของคนในครอบครัวนี้ ทั้งสองครอบครัวสนิทกันมาก โดยซอนย่าอาศัยอยู่ที่เยอรมนีมากว่า 20 ปี

นาย นัท พี่ชายคนกลาง ได้คบหาดูใจกับหญิงสาวชื่อ "กุ๊ก" มานานกว่า 4 ปี กระทั่งเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว กุ๊กได้รู้ว่าซอนย่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของนัทและอยู่ต่างประเทศ อีกทั้งมีฐานะดี จึงเริ่มติดต่อขอเงินจากซอนย่า โดยอ้างว่าจะนำไปลงทุนทำธุรกิจขายตะกร้าสาน ซื้อมาในราคา 40 บาท ขาย 60 บาท ซอนย่าเห็นว่าเป็นเรื่องของการลงทุนสร้างอาชีพจึงโอนเงินไปให้หลักแสนบาท

ต่อมากุ๊กอ้างว่าธุรกิจไปได้ดี และมีพาร์ตเนอร์ต้องการรับซื้อสินค้าเพิ่มในล็อตใหญ่ โดยเสนอให้ซอนย่าช่วยวางเงินมัดจำก่อน 250,000 บาท ซอนย่าจึงยอมลงทุน แต่เมื่อถึงวันเซ็นสัญญา พาร์ตเนอร์กลับขอให้ซอนย่าหาสินค้ามาให้ก่อน ซอนย่าจึงยกเลิกสัญญาเพราะเกรงว่าจะเสียหายหากอีกฝ่ายไม่ยอมชำระเงิน

หลังจากนั้น กุ๊กอ้างว่าลูกชายของพาร์ตเนอร์เป็นตำรวจ สภ.หนองปรือ จ.ชลบุรี และได้ไปแจ้งความเอาผิดว่าถูกยกเลิกสัญญา กุ๊กจึงแนะนำให้ซอนย่าติดต่อทนายความ และส่งไลน์ของบุคคลหนึ่งมาให้ โดยอ้างว่าเป็นทนาย ทนายคนนี้บอกว่าอีกฝ่ายสามารถดำเนินคดีได้ ซอนย่าจึงหลงเชื่อและโอนเงินค่าดำเนินคดีหลักแสนบาท

พี่สะใภ้สวมรอยมิจฉาชีพ ตุ๋นน้องผัว 8 ล้าน โป๊ะแตกสั่งอุ้มปิดปาก

 

เมื่อจ่ายรอบแรกไปแล้ว กุ๊กยังอ้างต่อว่าเรื่องถึงผู้กำกับตำรวจ และจะต้องจ่ายเพิ่มอีก 2 ล้านบาท โดยหารกัน 3 คน ได้แก่ ทนาย กุ๊ก และซอนย่า คนละ 500,000 บาท จากนั้นไม่นานกุ๊กอ้างว่าทนายเครียดจนรมควันฆ่าตัวตาย และลูกชายของทนายจะเอาเรื่องอีก ซอนย่าจึงโอนเงินอีก 500,000 บาท

รวมแล้วซอนย่าถูกหลอกเสียเงินไปกว่า 8 ล้านบาท โดยตลอดเวลานั้นกุ๊กอ้างว่ามีผู้มีอำนาจระดับสูงเกี่ยวข้อง ทำให้ซอนย่าไม่กล้าปรึกษานายนัท ซึ่งเป็นแฟนของกุ๊ก เพราะกุ๊กเคยสั่งห้ามบอกใครในครอบครัว โดยอ้างว่าหากแม่รู้จะเครียดจนช็อกเสียชีวิต ซอนย่าจึงพยายามแก้ปัญหาเพียงลำพัง

ล่าสุดครอบครัวเริ่มกังวลเรื่องความปลอดภัย เพราะกุ๊กนำพรรคพวกมาทำร้ายนายอนุวัฒน์ หวังให้พาไปหานายนัทซึ่งเป็นพยานสำคัญในคดีนี้ โดยซอนย่าโอนเงินผ่านนายนัททุกครั้ง โดยอ้างว่าเป็นเงินลงทุน

นายอนุวัฒน์เล่าว่า หลังจากจับได้ว่าธุรกิจไม่มีอยู่จริง พี่ชายกับพี่สาว (ซอนย่า) ได้ตกลงจะดำเนินการเอาผิดกุ๊ก และให้นายนัทเป็นพยาน โดยก่อนหน้านี้ไม่มีใครรู้ว่ากุ๊กแอบอ้างและก่อเหตุทั้งหมด กระทั่งความจริงเปิดเผย

เมื่อครอบครัวรู้เรื่อง นายนัทได้เลิกรากับกุ๊กทันที จากนั้นไม่นานก็เริ่มมีคนมาดักรอหน้าโรงงานที่ตนทำงานถึง 3–4 ครั้ง กระทั่งวันที่ 14 พฤษภาคม 2567 นายอนุวัฒน์กลับถึงบ้าน กำลังลงจากรถก็ถูกชายฉกรรจ์ประมาณ 10 คนรุมทำร้าย ใช้ทั้งมือ เท้า และเหล็กเส้นแทง แต่โชคดีที่หลบทัน

 

พี่สะใภ้สวมรอยมิจฉาชีพ ตุ๋นน้องผัว 8 ล้าน โป๊ะแตกสั่งอุ้มปิดปาก

 

เขาเห็นกุ๊กลงจากรถ สั่งคนเหล่านั้นว่า “เอามันให้ตาย!” และยังพูดกับชาวบ้านที่มาช่วยว่า “อยากเป็นพยานกันมากใช่ไหม!” หลังเหตุการณ์ เขาสังเกตว่าคนกลุ่มนั้นเป็นญาติพี่น้องของกุ๊ก รวมถึงแฟนอีกคนของกุ๊กที่อยู่พัทยาก็ร่วมลงมือด้วย โดยเชื่อว่ากุ๊กมี “โลกหลายใบ” และมีแฟนหลายคน

เหตุการณ์ครั้งนั้นเหมือนมีการเตรียมการไว้ล่วงหน้า เพราะคนร้ายรู้เวลาเลิกงาน และหลบมุมกล้องวงจรปิดได้หมด ยกเว้นกล้องจากบ้านข้าง ๆ ที่สามารถบันทึกเหตุการณ์ไว้ได้

ที่ผ่านมาได้แจ้งความที่ สภ.ธัญบุรี ถึง 3-4 ครั้ง แต่ตำรวจอ้างว่าฝ่ายกุ๊กกล่าวหานายอนุวัฒน์ว่าติดหนี้ ทั้งที่เขามีใบแจ้งความว่าถูกคุกคาม แต่ตำรวจก็ไม่ดำเนินคดีใด ๆ เขาเคยขอใบรับรองแพทย์ แต่ก็รอนานและยังไม่ได้ ขณะที่พี่สาวติดต่อโรงพยาบาลไป กลับได้รับคำตอบว่าเอกสารส่งให้ตำรวจแล้ว แต่ไม่มีความคืบหน้า

 

พี่สะใภ้สวมรอยมิจฉาชีพ ตุ๋นน้องผัว 8 ล้าน โป๊ะแตกสั่งอุ้มปิดปาก

 

ขณะนี้ครอบครัวหวาดกลัวเพราะเชื่อว่ากุ๊กมีพรรคพวกมาก และทำตัวเหมือนผู้มีอิทธิพล นายนัทไม่กล้าออกจากบ้าน และตัวนายอนุวัฒน์เองก็หวั่นว่าจะถูกทำร้ายอีก ปัจจุบันกุ๊กได้มาเช่าบ้านฝั่งตรงข้าม และติดกล้องวงจรปิดรอบบ้านเหมือนคอยจับตาดูครอบครัวฝ่ายผู้เสียหาย

ครอบครัวจึงวอนให้ตำรวจเร่งดำเนินคดีอย่างจริงจัง เพื่อความปลอดภัยของทุกคน

OSZAR »